เก็บภาษีขายหุ้นได้ไม่คุ้มเสีย ทำตลาดทุนไทยถอยหลัง 20 ปี-ต่างชาติหนี!

เก็บภาษีขายหุ้นได้ไม่คุ้มเสีย

“ไพบูลย์” อัดเก็บภาษีขายหุ้นทำตลาดทุนไทยถอยหลัง 20 ปี นักลงทุนต่างชาติหนีไปลงทุนที่อื่น ทำสภาพคล่องที่เป็นจุดแข็งของตลาดหุ้นไทยหดหาย กระทบการระดมทุนของธุรกิจขนาดใหญ่ ได้ไม่คุ้มเสีย

เก็บภาษีขายหุ้นได้ไม่คุ้มเสีย

เศรษฐศาสตร์ นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยภายในงาน FETCO Capital Market Outlook เสวนาพิเศษ “ภาษีขายหุ้น? คุ้มหรือไม่” ว่า มาตรการเก็บภาษีขายหุ้นของภาครัฐที่จะออกมาคงได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งไม่ได้เป็นผลกระทบโดยตรงต่อผู้ระดมทุน แต่กระทบโดยตรงต่อผู้ลงทุน เพราะจะทำให้สภาพคล่องในตลาดค่อยๆลดลง เนื่องจากต้นทุนการลงทุนสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันสภาพคล่องในตลาดที่มีอยู่สูงมาจากการลงทุนของต่างประเทศถึง 50% หากเก็บภาษีก็อาจส่งผลให้สภาพคล่องที่มาจากต่างประเทศหายไปทั้งหมด เนื่องจากภาษีที่เตรียมเก็บสูงกว่าค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น ทำให้มูลค่าซื้อขายตลาดหุ้นไทยจะหดลงไปเหลือเพียง 10,000-30,000 ล้านบาท หรือกลับไปเมื่อช่วง 20 ปีก่อน หากเป็นแบบนั้นจริงการระดมทุนจากบริษัทขนาดใหญ่จะไม่สามารถเป็นไปได้แน่นอน ส่งผลให้บริษัทขนาดใหญ่ออกไประดมทุนในตลาดหุ้นประเทศอื่น เนื่องจากปัจจุบันไม่มีกำแพงกั้นแล้ว ตลาดทุนไทยปัจจุบันยังไม่ได้พัฒนาไปถึงจุดสูงสุด มีบริษัทจดทะเบียนเพียง 800 กว่าบริษัทเท่านั้น ข่าวเศรษฐศาสตร์ ซึ่งหากมีบริษัทเข้ามาอยู่ในตลาดมากขึ้นจะเป็นประโยชน์มากกว่า คือ 1.เรื่องความโปร่งใส 2.ช่วยให้ภาครัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น โดยปี 64 บริษัทจดทะเบียนจ่ายภาษีนิติบุคคลให้ภาครัฐสูงกว่า 2 แสนล้านบาท “เราเห็นชัดเจนว่าสภาพคล่องหายแน่นอน จากการสำรวจโดยพูดคุยโดยตรง ไม่ใช่สำรวจจากทฤษฎี เรายกหูถามนักลงทุนต่างชาติที่เทรดเยอะๆ สร้างสภาพคล่องให้เราว่าคุณจะอยู่กับเรามั้ยถ้ามีภาษีตัวนี้ เค้าบอกไม่อยู่ เป็นสิ่งที่น่าห่วงมาก