เรียนแพทย์-สาธารณสุขไม่ตกงาน ไทยอันดับ 3 ของโลกได้รับการยอมรับ

เรียนแพทย์-สาธารณสุขไม่ตกงาน ไทยอันดับ 3 ของโลกได้รับการยอมรับ

เรียนแพทย์-สาธารณสุข จบไปไม่ตกงานแน่นอน แต่เทรนด์เปลี่ยน หมออุดม เผยไทยอันดับ 3 ของโลก ได้รับการยอมรับ ผู้คนจากประเทศอื่นเดินทางมารักษามากที่สุด คาดปี 2573 ธุรกิจสุขภาพทั่วโลกโต 1.5 ล้านล้านดอลลาร์

การศึกษา วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข กล่าวปฐกถาพิเศษในหัวข้อ “The New Boundary of Life is Wellnees” ในงาน “The Next Chapter : PIM College of Health & Wellness” จัดโดยสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า แนวโน้มด้านสุขภาพของโลกในอนาคตมีอยู่ 3 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1.โรคติดต่อ โรคระบาด โรคระบาดใหม่ 2.โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือเรียกว่า NCDs ซึ่งกำลังพบมากขึ้นเรื่อย ๆ 3.สังคมผู้สูงวัย “ไม่ว่าแนวโน้มสุขภาพจะเป็นอย่างไร แต่ทุกโรคล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น และจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันค่าใช้จ่ายของประเทศไทยด้านสุขภาพอยู่ที่ปีละ 9 แสนล้านบาท หากเราจะช่วยกันลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ลงไปก็คือต้องไม่เจ็บป่วย ซึ่งเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพตนเองให้มากขึ้น เพราะถ้าป่วยแล้วนอกจากค่าใช้จ่ายจะมหาศาล ยังทำให้สุขภาพย่ำแย่ สมรรถภาพในการทำงานก็จะลดลง”ทุก 5 ปีมีผู้ป่วยใหม่ NCDs เพิ่มหลายล้านคนนายแพทย์อุดมกล่าวต่อว่า ใน 3 แนวโน้มของโรคปัจจุบัน อย่างโรคระบาด ปัญหาคือไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ ไม่มีใครตอบได้ อีกทั้งยังไม่มียารักษาจริง ๆ ส่วน NCDs ซึ่งประกอบไปด้วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขที่มีการสำรวจทุก 5 ปี เมื่อเปรียบเทียบปี 2557 กับปี 2552 พบว่ามีผู้ป่วยใหม่โรคเบาหวานและโรคอ้วนประมาณ 1.5 ล้านคน และผู้ป่วยใหม่โรคความดันโลหิตสูงประมาณ 2 ล้านคน ไม่นับที่มีอยู่เดิมราว 5-10 ล้านคน ทั้ง 3 โรคจัดอยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งเป็นแนวโน้มใหญ่ที่สำคัญของปัญหาสุขภาพของประเทศไทยหรือโรคในอีกหลายอวัยวะ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไต เป็นต้น“ส่วนประเด็นสังคมผู้สูงอายุนั้น ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นถึง 20% และประมาณอีก 10-15 ปีจะเพิ่มเป็น 25% หมายถึงว่าถ้าเดินข้างถนน 4 คนจะมีผู้สูงอายุ 1 คน ซึ่งประเด็นสำคัญคือผู้สูงอายุจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าคนหนุ่มสาว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจ็บป่วยก็ตาม แต่ถ้าเจ็บป่วยค่าใช้จ่ายก็จะมากกว่าคนหนุ่มสาวถึง 5-10 เท่า และตอนนี้เด็กเกิดน้อยลง มีวัยแรงงานน้อยลง ถ้าผู้สูงอายุมากเกิน 25% สหพัฒน์ประเมินไว้ว่า ค่าใช้จ่ายของคนทั้งประเทศจะเป็นค่าใช้จ่ายให้คนสูงวัยหมดเลย ดังนั้นทุกคนก็จะต้องเป็นคนสูงวัยที่มีสุขภาพดี”

เรียนแพทย์-สาธารณสุขไม่ตกงาน ไทยอันดับ 3 ของโลกได้รับการยอมรับ

รีดีไซน์อุตสาหกรรมทั้งนี้ จากแนวโน้มของโลก เป็นโจทย์ที่อุตสาหกรรม health care โรงเรียนแพทย์ต้องไปรีดีไซน์สิ่งที่ทำอยู่ คือทำอย่างไรให้อนาคต คนเจ็บป่วยน้อยลง เอาดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้ ทำให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ฉะนั้นระบบสุขภาพต่อจากนี้จะเน้นเรื่องของ Health Wellness and Well Being ไม่ใช่ปล่อยให้ตัวเองเป็นโรค ทุกคนต้องเน้นสุขภาพดี

อีกทั้งระบบการรักษาจากนี้ฐานการรักษาจะไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล แต่จะอยู่ที่บ้านหรือที่อื่น ๆ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้น อนาคตเราจะสามารถคาดการณ์โรคในอีก 10-15 ปีได้ เพื่อให้รู้แนวโน้ม และวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง และมีการรักษาแบบรายบุคคล เพราะถึงแม้ผู้คนจะป่วยเป็นโรคเดียวกัน แต่การดำเนินของโรคในแต่ละบุคคลนั้นจะแตกต่างกันธุรกิจสุขภาพโต 1.5 ล้านล้านดอลลาร์หลังวิกฤตโควิด-19 ธุรกิจ Health & Wellbeing ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ด้วยกำลังซื้อที่สูงจากการหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นของประชากรทั่วโลก ทำให้ธุรกิจนี้มีโอกาสเติบโตด้วยมูลค่ามากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ (ในปี พ.ศ. 2573) และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นร้อยละ 5-10 ในแต่ละปีดูแลสุขภาพเชิงป้องกันหนึ่งในเทรนด์สุขภาพที่ถูกพูดถึงมากในปัจจุบันคือ Self-care หรือการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ผู้คนหลีกเลี่ยงการเข้าโรงพยาบาลกันมากขึ้นเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และการพบแพทย์เพื่อการรักษาโรคจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็น ไม่ตอบโจทย์สำหรับการลงทุนดูแลสุขภาพในระยะยาว รวมไปถึงหลาย ๆ คนต้องทำงานที่บ้าน พออยู่บ้านนาน ๆ ก็รู้สึกกดดัน กังวล จึงเสาะหาการดูแลสุขภาพที่เริ่มทำได้ด้วยตนเองบริการความงามได้รับความนิยมสูงผู้บริโภคยังคงให้ความสนใจกับการดูแลรูปลักษณ์ของตนเอง และต้องการ express ความเป็นตัวเองออกมา บริการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาได้แก่กระบวนการเสริมความงามโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น microneedling, lasers, and oxygen jetsในปี 2573 คาดว่าจะเกิดบริการด้านความงาม ด้านชะลอวัยที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ผู้บริโภคสามารถเลือกเสริมรูปลักษณ์ด้านใดก็ได้ตามที่พอใจ และเข้าถึงสถานที่ให้บริการเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคลินิกแพทย์ ผิวหนัง สปา หรือชะลอวัยนายแพทย์อุดมกล่าวอีกว่า สถานการณ์อุตสาหกรรม Wellness (Global Wellness Institute) บริการดูแลสุขภาพจากภายในและภายนอก ในปี 2568 คาดเศรษฐกิจเพื่อสุขภาพทั้งโลกจะมีมูลค่า 7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 230 ล้านล้านบาท ข่าวการศึกษา เมื่อเทียบกับปี 2563 เศรษฐกิจเพื่อสุขภาพทั้งโลกมีมูลค่า 4.4 ล้านล้านดอลลาร์หรือ 145 ล้านล้านบาท เป็นมูลค่าจากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4.36 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 14 ล้านบาท ธุรกิจสปา 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 2.2 ล้านล้านบาท คาดตั้งแต่ปี 2563-2568 ธุรกิจสปาจะมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่อัตรา 17.2% และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จะเติบโตเฉลี่ยที่อัตรา 20.9%

แนะนำข่าวการศึกษา อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : สพฐ.แจกคู่มือเร่ง พาน้องๆกลับมาเรียน